
งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2023 (Bangkok International Motor Show 2023) งานโชว์รถยนต์ใหม่ มอเตอร์ไซค์ใหม่ พร้อมด้วยคอนเซ็ปต์คาร์ สุดยิ่งใหญ่ของเมืองไทย ด้วยการนำเสนอรถยนต์, รถมอเตอร์ไซค์ รุ่นใหม่ๆ และอุปกรณ์ประดับยนต์ต่างๆ พร้อมด้วยโปรโมชั่นแคมเปญพิเศษ รวมถึงข่าวสารต่างๆ ที่จะมีมาให้ติดตามชมกันอย่างใกล้ชิดแบบจัดเต็ม และจุใจ ยกขบวนกองทัพรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 20 รุ่นร่วมจัดแสดง
ซึ่งงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 44 ที่จัดขึ้น ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 โดยจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ประสบการณ์ครบทุกสีสัน” ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ความเป็นผู้นำด้านงานจัดแสดงรถยนต์ค่ายรถยนต์ – รถจักรยานยนต์มากกว่า 40 แบรนด์
ก่อนจะไปดูว่า งานนี้ทางโนมอร์เวิร์คเรา มาทำอะไรในงานนี้ เรามีประวัติของ Bangkok Motor Show มาฝากเพื่อนกันครับ
ประสบการณ์ที่เป็นความสำเร็จจากการเป็นเจ้าของนิตยสารกรังด์ปรีซ์ ที่โด่งดังที่สุด สู่แนวความคิดที่จะเป็นผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย “ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา” จัดงานมอเตอร์โชว์ขึ้นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ MOTOR SHOW ‘79 โดยยึดเอาพื้นที่เพียง 16,200 ตารางเมตร เปิดตำนานมอเตอร์โชว์เมืองไทย เมื่อวันที่ 2-6 พฤษภาคม 2522 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเปิดงาน ซึ่งครั้งนั้นได้รวบรวมรายได้จากบัตรผ่านประตูราคา 3 บาท มอบให้ “มูลนิธิดวงประทีป
เพียงครั้งแรก “ดร.ปราจิน” ก็มองเห็นเส้นทางแห่งความสำเร็จ ที่ได้รับการต้อนรับจากบริษัทรถยนต์และคนไทยอย่างคับคั่ง ทำให้การจัดงานครั้งที่ 2 ต้องย้ายสถานที่มาจัดที่สวนอัมพร ซึ่งมีพื้นที่ที่สามารถทำให้ภาพลักษณ์ทัดเทียมมอเตอร์โชว์ระดับโลก สิ่งสำคัญและเป็นมงคลยิ่งคือการได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทาน พระราชานุญาตให้นำรถยนต์พระที่นั่งมาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้ประชาชนนับล้านคนที่มาร่วมชมงานได้ชื่นชมตลอดการจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 12-16 พฤศจิกายน 2523 และที่น่าสนใจยิ่ง การนำเอารถยนต์ที่เป็นสุดยอดเทคโนโลยีจากบริษัทมาจัดแสดงให้ชมกัน ถือเป็นการเปิดเส้นทางแห่งงานมอเตอร์โชว์มาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากนั้น การจัดงานมอเตอร์โชว์ จึงยึดเอาสวนอัมพรเป็นสถานที่จัดงานเรื่อยมา พร้อมการเพิ่มวัน จาก 5 วัน เป็น 7 วัน ในครั้งที่ 4 รวมถึงการเริ่มต้นการนำเข้ารถยนต์ต้นแบบหรือ Concept Car ที่เป็นพัฒนาการเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาจัดแสดงให้ชมกัน และที่ยังเป็นความสนใจของผู้ชมงาน คือรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ของแต่ละบริษัทที่ไม่ยอมน้อยหน้ากัน จนมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในการจัดงานครั้งที่ 5 โดยเปลี่ยนชื่องานเป็น Bangkok Motor Show โดยได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และเพื่อความเป็นสากล จึงได้เพิ่มคำว่า International จนเป็นความสมบูรณ์ของงานมอเตอร์โชว์ระดับโลก คือ Bangkok International Motor Show มอเตอร์โชว์หนึ่งเดียวของประเทศไทยในการจัดงานครั้งที่ 17
งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ยังคงจัดงานอยู่ที่สวนอัมพรจนถึงครั้งที่ 18 “ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา” มองการเติบโตของงานอย่างเป็นกังวลเรื่องสถานที่ ที่นับปีจะเริ่มเล็กลง เมื่อเทียบกับการเติบโตของงาน การเติบโตของเทคโนโลยียานยนต์ และจำนวนผู้เข้าชมงานที่ผ่านจากหลักแสนคนสู่หลักล้านคน แนวคิดจะโยกย้ายสถานที่จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ การจัดงานครั้งที่ 19 จึงได้ย้ายจากสวนอัมพร สู่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา บนพื้นที่ 30,800 ตารางเมตร ที่มีลักษณะเป็นพื้นที่จัดงานแสดงที่มีมาตราฐานสูง และเหมาะสมอย่างยิ่งกับการจัดงานมอเตอร์โชว์ระดับโลก ตำนานแห่งการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ กับ “สวนอัมพร” จึงปิดฉากลงแค่การจัดงานครั้งที่ 18 เมื่อปี พ.ศ. 2540 และนับจากครั้งที่ 19 คือการเข้าสู่ยุคที่ 2 ของมอเตอร์โชว์ต่อไป
การตัดสินใจของ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะประเทศไทยเมื่อปี 2540 เป็นสถานการณ์แห่งต้มยำกุ้งที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจในทุกมุมโลก จึงมีเสียงคัดค้านจากทีมงานด้วยความห่วงใยสถานการณ์ แต่ “ดร.ปราจิน” กลับพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เพราะงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์คือส่วนผสมแห่งความสำเร็จของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การจัดงานในสถานที่ที่โอ่อ่าสมศักดิ์ศรี แม้จะมีปัญหาบ้าง แต่ก็คุ้มค่าอย่างยิ่งกับการเติบโตในครั้งต่อ ๆ มา
สิ่งสำคัญการมีพื้นที่จัดงานที่ได้มาตรฐาน ยิ่งทำให้พัฒนาการของงานก้าวลํ้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานมอเตอร์โชว์เมืองไทย มีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นการประกวดมิสมอเตอร์โชว์ การประกวดมิสพรีเซ็นเตอร์ ที่เสมือนการให้ความสำคัญกับการพรีเซนต์ถึงความสุดยอดแห่งเทคโนโลยียานยนต์ ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ยิ่งการจัดกิจกรรมต่าง ๆ รอบ ๆ บริเวณงาน การที่บริษัทต่าง ๆ ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในการคัดเลือกรถยนต์ที่จะนำมาจัดแสดง การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ องค์ประกอบทั้งหลายเหล่านี้ คือบทพิสูจน์ความเป็นงานมอเตอร์โชว์ระดับโลก ที่ก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลอย่างสมบูรณ์แบบ
จนถึงการจัดงานครั้งที่ 26 งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ ก็ได้รับการบรรจุลงใน “ปฏิทินงานแสดงรถยนต์ระดับนานาชาติ” โดยการรับรองโดย OICA หรือองค์กรซึ่งดูแลเกี่ยวกับการจัดแสดงรถยนต์ทั่วโลก ภายใต้การจัดงานของ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา
การจัดงานครั้งที่ 19 ที่ย้ายมาจัดงานที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา นั้น ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การจัดบูธที่เป็นพื้นที่แสดงทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์การให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งของทุกบริษัทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมถึงพื้นที่จัดแสดงอุปกรณ์ตกแต่งต่าง ๆ ก้าวลํ้าสู่ความเป็นมอเตอร์โชว์ระดับโลก และยังเป็นการสนับสนุนให้ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ก้าวหน้าสู่ความเป็นดีทรอยต์ออฟเอเชียอีกด้วย
ความสำเร็จที่ชัดเจนอีกด้านก็คือ ผู้เช้าชมงานที่มีมากกว่า 2 ล้านคน การได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาทำข่าวเพิ่มขึ้นทุกปี พัฒนาการที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากทีมงานผู้จัดงานที่ต้องเดินทางศึกษาดูงานจากงานมอเตอร์โชว์จากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาให้งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ก้าวทันและทัดเทียมงานระดับโลกอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นงานโตเกียว มอเตอร์โชว์, แฟรงก์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ เป็นต้น จนทำให้ทีมงานมีความเชี่ยวชาญการจัดงานมอเตอร์โชว์ระดับโลกไปด้วย
แน่นอน…สิ่งที่ทีมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์เติบโตอยู่ตลอดเวลา ทำให้ “ผู้จัดงาน” มิอาจหยุดพัฒนาด้วยเช่นกัน ดังนั้นในการจัดงานครั้งที่ 32 หลังจากจัดงานอยู่ที่นี่มา 14 ปี จึงตัดสินใจย้ายสู่อิมแพ็ค เมืองทองธานี สถานที่จัดงานที่สามารถรองรับการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอีก และนี่คือการก้าวสู่ยุคที่ 3 ของการจัดงานมอเตอร์โชว์แห่งประเทศไทย
การตัดสินใจย้ายการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ จากศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา มาเป็น ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ก็ด้วยองค์ประกอบความพร้อมของสถานที่ที่มีพื้นที่จัดงานถึง 140,000 ตารางเมตร บนพื้นที่เดียวกัน และมาตรฐานที่เป็นสากลกว่า สิ่งสำคัญยิ่งของงานก็คือ การที่ทุกบริษัทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ต่างก็ให้ความสำคัญ ทั้งการจัดสุดยอดเทคโนโลยีแห่งยานยนต์ การนำรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ มาเปิดตัว และการนำเสนอรถต้นแบบ หรือ Concept Car คือบทพิสูจน์พัฒนาการของการจัดงานที่เป็นงานระดับโลกที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทแม่จากทั่วโลก
รวมถึงองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ร่วมสนับสนุนการเป็นมอเตอร์โชว์ระดับโลก สิ่งสำคัญนอกจาก ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา แล้ว “คุณเต้” จาตุรนต์ โกมลมิศร์ในฐานะผู้ดูแลการจัดงาน ยังพยายามเพิ่มศักยภาพของความเป็นมอเตอร์โชว์ประเทศไทยเป็นองค์ประกอบสำคัญด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจัดประกวดมิสมอเตอร์โชว์ มิสพรีเซ็นเตอร์ กิจกรรมการแสดงต่าง ๆ ที่มีให้ชมภายในงานตลอดระยะเวลา 12 วัน รวมถึงการจัดสถานที่ที่พร้อมจะอำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้ามาชมงาน ให้สามารถเดินชมงานได้อย่างสะดวกสบาย โดยเฉพาะพื้นที่สำหรับผู้เข้าชมงานกว้างกว่าปกติ
ยุคที่ 3 ของงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ จึงประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่ง ภายใต้การจัดการของ ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา และทีมงานคุณภาพที่กำกับดูแลโดย “คุณเต้” จาตุรนต์ โกมลมิศร์ ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก นี่คือความภาคภูมิใจ ที่เป็นความสำเร็จของคนไทยผ่านเส้นทาง 3 ยุค ของมอเตอร์โชว์ระดับโลก ฝีมือคนไทย
โดยภายในงานปี 2023 นี้ มี Concept ว่า Grandprix Xpectrum ที่รวมรถยนต์คอนเซ็ปท์คาร์หลายรุ่น พร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายค่ายรวมถึงมอเตอร์ไซต์อีกมากมาย ให้เราได้ชมกัน ทั้งยังมีกิจกรรมการแข่งขัน GPeRacing สามารถมาร่วมสนุกกันได้ภายในงาน มุมพักผ่อน Coffee Camp และยังมี Lucky Draw แจกรถยนต์พร้อมของรางวัลมากมายภายในงาน
ซึ่งในงานนี้ทางเราดูแลการจัดทำ Tiktok Content ให้กับทางเพจ Grandprix Online โดยการถ่ายคลิปต่างๆมากมาย เพื่อนๆสามารถติดตาม Tiktok Video Clip BIMS2023 ของพวกเราได้ที่
Tiktok nomorework:
Tiktok grandprixonline:
กำลังมองหาผู้บริการ ทำคอนเทรนต์ Tiktok
สนใจติดต่อที่ >>Tel : 095-465-6452 email : work@nomorework.co หรือ Inbox
25/2 ถนนนครอินทร์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000